วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557


บทที่ 5 จริยธรรมสารสนเทศและสิทธิทางปัญญา

1.อาชญากรรมคอมพิวเตอร์คืออะไร จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง

การใช้คอมพิวเตอร์ในทางที่ผิด และทำให้คนอื่นหรือผู้ใช้คนอื่นเสียหาย

ตัวอย่างเช่น
             1.1 ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และทำลายระบบคอมพิวเตอร์อื่น
             1.2การเข้าถึงและการใช้คอมพิวเตอร์ที่ไม่ถูกกฎหมาย ซึ่งมีทั้ง Hacker และ Criminal Hacker
             1.3 การเปลี่ยนแปลงและทำลายข้อมูล โดย virus : เป็นโปรแกรมที่ต้องทางานร่วมกับโปรแกรมอื่น  worms : เป็นโปรแกรมอิสระที่สามารถจาลองโปรแกรมเองได
             1.4 การขโมยข้อมูลข่าวสารและเครื่องมือ
             1.5 การสแกมทางคอมพิวเตอร์ (Computer-related Scams)

     --------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2. อธิบายความหมายของ

2.1 Hacker
              -ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ เป็นอย่างมาก

-สามารถถอดหรือเจาะรหัสระบบรักษาความปลอดภัยของเครื่องคอมพิวเตอร์ของคนอื่นได้

-มีวัตถุประสงค์ในการทดสอบขีดความสามารถของตนเอง หรือทางในหน้าที่การงานของตนเอง

2.2 Cracker

-บุกรุกระบบคอมพิวเตอร์คนอื่นโดยผิดกฎหมายเพื่อทำลายหรือเอาข้อมูลไปใช้ส่วนตัว

-มีความหมายเดียวกับ Hacker แต่ต่างกันที่วัตถุประสงค์ในการกระทำ

2.3 สแปม

-การส่งข้อความถึงผู้ที่ไม่ต้องการรับ ก่อให้เกิดความราคาญ ละเมิดสิทธิ ความเป็นส่วนตัว และผิดกฏหมาย

2.4 ม้าโทรจัน

-เป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาให้ทาตัวเหมือนว่าเป็น โปรแกรมธรรมดาทั่ว ๆ ไป เพื่อหลอกล่อผู้ใช้ให้ทาการเรียกขึ้นมาทางาน แต่เมื่อ ถูกเรียกขึ้นมาแล้ว ก็จะเริ่มทาลายตามที่โปรแกรมมาทันที มักถูกแนบมากับอีการ์ด อีเมล์ หรือการดาวน์โหลดโปรแกรมจากอินเทอร์เน็ต

2.5 สปายแวร์

-โปรแกรมที่แอบเข้ามาติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยที่ผู้ใช้อาจไม่ได้เจตนา เพื่อสร้างความราคาญให้ผู้ใช้งาน เช่น หน้า Pop Up โฆษณา

 

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

3.จงยกตัวอย่างกฎหมาย  ICT หรือ พ...คอมพิวเตอร์มีอะไรบ้าง จงอธิบายถึงการกระทำผิดและบทลงโทษ มา 5 ตัวอย่าง

ตัวอย่างที่ 1 การเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับข้อมูลการเงินของธนาคารจะเข้ามาตราที่ 5 เพราะระบบธนาคารมีการป้องกันการเข้าถึงแฉพาะ เพราะข้อมูลด้านการเงินจะเป็นความลับถือได้ว่าทำความผิดตาม มาตรา 5 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น มิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตัวอย่างที่ 2 นาย A ทำงานกับ นาย B ซึ่งนาย B ได้ทำการป้องกันข้อมูลส่วนตัวด้วยการตั้ง password แต่นาย A รู้ password ที่นาย  B ตั้งไว้และได้นำ password ไปบอกนาย C นาย C เข้ามารู้ข้อมูล และนำข้อมูลไปเผยแพร่ทำให้นาย B เสียหายถือได้ว่าทำความผิดตาม มาตรา 6 ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตัวอย่างที่ 3 นาย A ไปกดเงินที่ตู้ ATM แห่งหนึ่ง แต่นาย B ได้มีเครื่องดักจับ Password ของนาย A และนาย B ได้นำ Password ของนาย A ไปใช้งานทำให้เกิดความเสียหายทางด้านการเงินหรือเกิดความเสียหายแกนาย A ถือได้ว่าทำความผิดตาม มาตรา 8 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตัวอย่างที่ 4 นาย A จัดทำข้อมูลเพื่อนำเสนอออกสื่อทางเวปไซค์ แต่พอนาย B มาเห็นได้ทำการดัดแปลงเวปไซค์ของนาย A โดยไม่ได้รับอนุญาติจากนาย A  และนำไปเผยแพร่ทางเวปไซค์ทำให้ผู้เข้ามาชมเกิดความสับสนเกี่ยวข้อมูล ทำให้นาย A เสียหายถือได้ว่านาย B กระทำผิดตาม มาตรา 9 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตัวอย่างที่ 5 นาย A ได้ส่งข้อมูลให้นาย B และได้สำเนาจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ให้นาย C หลังจากนั้นนาย C ได้ทำการเปลี่ยนแปลงบทความโดยปลอมแปลงเอกสารของนาย A บิดเบือนไปจากความจริง และทำให้นาย A เสียหายนาย C ถือว่าทำผิดตาม มาตรา 11 ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557


การสื่อสารข้อมูลบนระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

1.สื่อกลางประเภทมีสายแต่ละประเภท มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง จงเปรียบเทียบ
สื่อกลางประเภทมีสายตัวที่ 1 สายทองแดงแบบไม่หุ้มฉนวน
ข้อดี : สัญญาณจะมาตามสายทำให้สัญญาณไม่มีผลกระทบต่อสภาพอากาศ
ข้อดี:สัญญาณปล่อยมาค่อนข้างมีความสเถียรไม่วูปวาปหรือดอปมากเกินไป
ข้อดี: ราคาไม่แพงมีขายทั่วไป

ข้อเสีย:ใช้เนื้อที่ และเกะกะในการเดินสายไฟเพราะว่าต้องเดินสายตามจุดต่าง ๆ เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณ
ข้อเสีย:เวลาสายขาดสัญญาณจะไม่สามารถรับส่งข้อมูลได้
ข้อเสีย:เป็นสายทองแดงไม่หุ้มฉนวนจะมีคาร์บอนจับทำให้ทองแดงดำได้และไม่เหมาะกับการใช้
ภายในบ้านหรือเดินตามจุดต่าง ๆ เหมาะกับการร้อยท่อ

สื่อกลางประเภทมีสายตัวที่ 2 สายทองแดงแบบหุ้มฉนวน
ข้อดี : สัญญาณจะมาตามสายทำให้สัญญาณไม่มีผลกระทบต่อสภาพอากาศ
ข้อดี: เล่นได้ทุกเวลาไม่ต้องกลัวสภาพอากาศแปรปรวนในกรณีเป็นสาย LAN แบบหุ้มฉนวน
ข้อดี:สัญญาณปล่อยมาค่อนข้างมีความสเถียรไม่วูปวาปหรือดอปมากเกินไป
ข้อดี:มีเปลือกหุ้มฉนวนไม่ต้องกลัวทองแดงดำและป้องกันแรงกดทับหรือการขูดของเนื้อทองแดงได้เพราะมีเปลือกที่หุ้มฉนวนคอยป้องกัน
ข้อดี:ราคาไม่แพงมีขายทั่วไป

ข้อเสีย:ใช้เนื้อที่และสายเกะกะในการเดินสายไฟเพราะว่าต้องเดินสายตามจุดต่าง ๆ เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณ
ข้อเสีย:เวลาสายขาดสัญญาณจะไม่สามารถรับส่งข้อมูลได้
ข้อเสีย:เวลามีฟ้าผ่าถ้าเสียบไว้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ อุปกรณ์เหล่านั้นอาจชำรุดเสียหายได้ถึงแม้จะต่อสายดินก็ตาม (ประสบการณ์ตรงที่ได้เจอกับตัวเองมีสายดินแต่ตัว Router พังเลยครับ)

 สื่อกลางประเภทมีสายตัวที่ 3 สายโคแอคเชียล
ข้อดี:สัญญาณปล่อยมาค่อนข้างมีความสเถียรไม่วูปวาปหรือดอปมากเกินไป
ข้อดี:มีเปลือกหุ้มฉนวนไม่ต้องกลัวทองแดงดำและป้องกันแรงกดทับหรือว่าการขูดของเนื้อทองแดงได้เพราะมีเปลือกคอยป้องกัน
ข้อดี:มีราคาที่ไม่แพงมีขายทั่วไป

ข้อเสีย:เวลาสายขาดสัญญาณจะไม่สามารถรับส่งข้อมูลได้
ข้อเสีย:ใช้เนื้อที่ในการเดินสายไปยังจุดต่าง ๆ ที่ต้องการเชื่อมต่อ
ข้อเสีย:สายโคแอคเชียลเป็นสายประเภทที่ต่อกับเสาอากาศถึงแม้ว่าสายจะต่อกับทีวีหรือว่าตัวอุปกรณ์แต่ถ้ามีฝนตกหรือฟ้าคะนองก็จะทำให้สัญญาณส่งมาที่จานรับไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้การรับสัญญาณต่าง ๆ อาจมีปัญหา

 สื่อกลางประเภทมีสายตัวที่ 4 ใยแก้วนำแสง
ข้อดี: สัญญาณที่ส่งมายังจุดปลายทางนั้นได้เต็ม 100 %
ข้อดี: มีน้ำหนักเบากว่าเมื่อเทียบกับสายทั้งสามประเภทที่กล่าวมา

ข้อเสีย:มีราที่สูงมาก ๆ เนื่องจากการต่อสายหรือการรักษานั้นต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทำให้ต่อแบบธรรมดาเหมือนสายทั้งสามที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้
ข้อเสีย:เมือสายขาดหรือมีปัญหาต้องให้ช่างที่เชียวชาญเฉพาะด้านมาทำ ไม่สามารถแก้ไขเองได้
ข้อเสีย:ดูแลรักษายุ่งยาก
ข้อเสีย:ไม่นิยมเดินจุดที่มีการเชื่อต่อไกล ๆ เนื่องจากสายดูแลยากและมีราคาที่สูง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2.การนำระบบเครือข่ายมาใช้ในองค์กร มีประโยชน์อย่างไร
ประโยชน์มีดังนี้
1.ข้อมูลที่ทำการบันทึกสามารถดูร่วมกันได้
2.ข้อมูลที่ทำการบันทึกหรือเก็บสามารถเปิดที่ไหนก็ได้ถ้าตั้งค่าให้สามารถเข้าถึงระบบ Saver ด้วย Username และ Password หรือเรียกว่าการรีโมทย์
3.อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถใช้ร่วมกันได้เช่น Printer ,Scanner เป็นต้น
4.มีการเก็บข้อมูลที่เป็นระบบเพราะมี Drive กลางในการจัดเก็บข้อมูลเพื่อเรียกดู
5.ลดการเดินเอกสารจากอีกจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเพราะอาจใช้การส่ง mail และแนบ File แทน
6.มีการตอบโต้ที่รวดเร็วและมีหลักฐานในการเก็บไว้ตรวจสอบกลับในกรณีใช้ mail ในการติดต่อสื่อสารเรื่องงานเพราะข้อมูลที่ตอบโต้กันจะสามารถดูย้อนหลังได้
7.คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่อยู่ในวง LAN นั้นสามารถดูข้อมูลร่วมกันได้ถ้ามีการ แชร์ Drive ต่าง ๆ ให้กับผู้อื่นเห็น
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------


 3.หากนำระบบเครือข่ายมาใช้ในองค์กรนักศึกษาจะเลือกรูปแบบของระบบเครือข่าย (LAN Topology) แบบใดเพราะอะไร
เลือกแบบ Star Topology
สาเหตุเพราะ แบบ Star เป็นระบบที่ทำงานแบบไม่ขึ้นอยู่กับเครื่องใดเครื่องหนึ่ง หรือสายในการเชื่อมต่อนั้นเป็นแบบต่อโดยตรงเข้ากับ Hub Switching และผ่าน Router หรือต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เข้า กับ Saver เวลาสายขาดหรือสายมีปัญหาก็สามารถตรวจสอบหรือบำรุงรักษาได้ง่ายเพราะว่าสายที่ต่อนั้น ต่อแบบเดี่ยว ๆ ทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบถ้าระบบมีปัญหา และการจัดเก็บข้อมูลหรือการส่งข้อมูลนั้นก็ไม่ต้องเรียงคิวหรือจ่อคิวสามารถทำหรือสั่งงานได้เลย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

4.อินเทอร์เน็ตมีข้อดีต่อระบบการศึกษาไทยอย่างไร
ข้อดีมีดังนี้
1.ใช้ในการศึกษาและค้นคว้าหาข้อมูลต่าง  ๆที่เราอยากรู้โดยผ่าน Google ที่นิยมใช้กันในประเทศไทย
2.ใช้ในด้านบันเทิง เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์
3.ใช้ในการสนทนากับเพื่อน ๆ หรือคนในคนครอบครัวซึ่งโปรแกรมที่ไว้สำหรับคุยผ่านระบบเน็ตนั้นมีมากมายในปัจจุบัน อาทิเช่น Facebook , Line (ในคอมพิวเตอร์ก็สามารเล่นได้) ,Twister ,สะไกน์ TS และอื่น ๆ อีกมากมาย
4.ใช้ในการรับส่งข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ ผ่านระบบ Mail โดย Mail ที่ให้บริการฟรีก็มีอยู่หลายเวปไซค์อาทิเช่น Hotmail , Yahoo , Gmail เป็นต้น
5.ใช้ในการ Upload ข้อมูลต่าง ที่ต้องการเก็บไว้หรือแชร์ให้เพื่อนดาวโหลดไปใช้งานก็มีหลายเวปไซค์ที่บริการด้านพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล
6.ใช้ในการซื้อหรือขายสินค้าต่าง ๆ อาจผ่าน Facebook หรือสร้างเวปไซค์ในการให้บริการทางด้านการซื้อการขายสินค้าต่างได้เช่นเดียวกัน
7.ใช้ในการดาวโหลดโปรแกรม ฟรีต่าง ๆ ที่เราไม่อยากจะไปซื้อหรือโปรแกรม แชร์แวร์ที่เรายังไม่อยากตัดสินใจซื้อให้ดาวโหลดมาทดลองใช้ก่อนถ้าถูกใจค่อยซื้อก็มีหลายเวปไซค์ที่เปิดให้ดาวโหลดโปรแกรมต่าง ๆ อาทิเช่น www.Thaiware.com เป็นต้น
8.ใช้ในการค้นหาเส้นทางในการเดินทางเช่นแผนที่ที่อยู่ในระบบ Google ซึ่งก็เป็นโปรแกรมของ Google ที่น่าใช้อีกโปรแกรมหนึ่ง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

 

 

 

 

 

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557


การจัดการข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์

1.ขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องอิเล็กทรอนิคส์ แบ่งได้กี่วิธี อะไรบ้าง
3 วิธี
1. ขั้นเตรียมข้อมูล เป็นการเตรียมข้อมูลเพื่อให้สะดวกต่อการประมวลผล ซึ่งมี 4 วิธี
1.1 การลงรหัส
1.2 การตรวจสอบ
1.3 การจาแนก
1.4 การบันทึกข้อมูลลงสื่อ

2. ขั้นตอนการประมวลผล
คือ เป็นการนาเอาโปรแกรมที่เขียนขึ้น มาใช้เพื่อประมวลผลข้อมูลที่ได้เตรียมไว้และข้อมูลยังคงเก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นวิธีการผลิตสารสนเทศต่างๆ เช่น
2.1 การคานวณ
2.2 การเรียงลาดับข้อมูล
2.3 การสรุป
2.4 การเปรียบเทียบ

3. ขั้นตอนการแสดงผลลัพธ์ เป็นขั้นตอนการเผยแพร่สารสนเทศให้กับผู้ใช้ในรูปแบบต่างๆ อาจอยู่ในรูปแบบเอกสาร รายงาน การนาเสนอบนจอภาพ โดยการใช้คอมพิวเตอร์

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2.จงเรียงลาดับโครงสร้างข้อมูลจากขนาดเล็กไปใหญ่ พร้อมอธิบายความหมายของโครงสร้างข้อมูลแต่ละแบบ
บิต(Bit) หน่วยที่เล็กที่สุดของข้อมูล เป็นภาษคอมพิวเตอร์ เลขฐาน 2 คือ 0 และ1
ไบต์(Byte) การนำบิตมารวมกันเรียกว่า ตัวอักขระ,ตัวอักษร เช่น ฐานข้อมูลที่ computer รู้ คือ 0 และ 1 พอเรา กด keyboard ก จะสั่งการไป 01011010 ซึ่งภาษคอมจะรู้เพียง 0 และ 1 แต่สายตาเราจะเห็นเป็นอักขระออกมาเป็น ก
ฟิลด์(Field) การนำไบต์หลาย ๆ มารวมกัน เรียกว่า เขตข้อมูล เช่น เรากด keyboard อักษรที่เป็นคำเช่น รายชื่อก็คือตัวอักษรหรืออักขระรวมกันหลาย ๆ ออกมาเป็นคำหรือฟิลด์ที่ชื่อว่า รายชื่อ
เรคอร์ด(Record) การนาฟิลด์หลาย ๆ ฟิลด์มารวมกัน เรียกว่า ระเบียน เช่น นำหัวข้อ รายชื่อ”+”คะแนนสะสม” +”กิจกรรมซึ่งลัษณนี้คือ 3 ฟิลมารวมกันก็คือ เรคอร์ดนั่นเอง
ไฟล์(File) การเรคอร์ดหลาย ๆ เรคอร์ดมารวมกันเรียกว่า แฟ้มข้อมูล เช่น เรานำ เรคอร์ด รายชื่อ คะแนนสะสม กิจกรรม โดยตั้งชื่อให้เป็นชื่อ นาย เอ และนาย บี ก็เก็บข้อมูลลักษณะเดียวกันไปเรื่อย ๆ ก็จะเรียกว่า File นั่นเอง
ฐานข้อมูล(Database) การนำไฟล์หลาย ๆ ไฟล์มารวมกัน เรียกว่า ฐานข้อมูล เช่น เราบันทึกข้อมูลของนาย A โดยเก็บแฟ้มประวัติ เป็น คะแนนสะสม กิจกรม รายวิชาที่สอบได้ แล้วก็บันทึกเป็นแฟ้มประวัติของแต่ละคนก็จะเรียกว่า ฐานข้อมูล หรือเปรียบเทียบง่าย การบันทึกแฟ้มประวัติการขาดลามาสายของพนักงานแต่ละท่านนั่นเองเพื่อฝ่าย HR จะได้ทำใบ Time Sheet เพื่อส่งให้ Manager รู้รู้ถึงการขาดสายลามาป่วยของพนักงานแต่ละท่านซึ่งโรงงานผมใช้หลักการแบบนี้ครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

3.หากนำเอาระบบฐานข้อมูลมาใช้ในหน่วยงานที่นักศึกษาทำงานอยู่ สามารถมีระบบใดบ้าง และระบบฐานข้อมูลนั้นมีประโยชน์ต่อองค์กรอย่างไร

ที่ผมเห็นได้ชัดเกี่ยวกับนำระบบฐานข้อมูลมาใช้ในหน่วยงาน
คือระบบตรวจสอบค่ารักษาพยาบาลที่ใช้ไป ซึ่งบริษัทผมให้ได้ต่อคนนั้นอยู่ที่ 15000 บาทต่อปี ซึ่งพนักงานแต่ละท่านจะมีการลาป่วยและบิกค่ารักษาพยาบาลที่แตกต่างกันออกไปบางคนก็จำได้บางคนก็จะไม่ได้ ซึ่งเวลาไปเบิกค่ารักษาพยาบาลจะมีพนักงานคอย key ข้อมูลเข้าไปในระบบฐานข้อมูลเพื่อให้พนักงานแต่ละท่านสามรถตรวจสอบยอดเงินคงเหลือที่สามารถเบิกได้สำหรับค่ารักษาพยาบาล
ประโยชน์ทีได้รับคือ
1.พนักงานสามารถตรวจสอบยอดเงินที่คงเหลือในการเบิกค่ารักษาโดยเพียงป้อนรหัสบัตรประชาชนเข้าไปในระบบ
2.พนักงานไม่ต้องคอยไปถามฝ่าย HR ว่าสามารถเบิกเงินได้อีกเท่าไหร่
3.พนักงานสามารถรู้และบริหารค่ารักษาพยาบาลได้ในกรณีเจ็บป่วยต่าง ๆ
4.เป็นระบบที่รวดเร็วและสามารถตรวจสอบได้เองทุกที่เพราะผ่านระบบ Internet

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
4.จงอธิบายความแตกต่างระหว่างการประมวลผลข้อมูลแบบแบชและแบบเรียลไทม์
แตกต่างตรงที่แบบแบชจะเป็นข้อมูลที่ส่งแยกกันเป็นกลุ่ม ๆ แล้วนำข้อมูลมาประมวลผลไม่มีการตอบโต้ระหว่างผู้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ แต่ระบบแบบเรียลไทม์ สามารถทำงานและตอบโต้หรือแสดงผลลัพทธ์ได้ทันทีทำให้เราเห็นภาพหรือการแสดงผลนั้นได้ทันทียกตัวอย่างเช่น บัตแครดิตตามห้างร้านซึ่งเมื่อเราใช้ไปสามารถตรวจสอบยอดเงินคงเหลือได้ทันที

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557


องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์

1.จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างคำดังต่อไปนี้
ได้แก่ Hardware,Software,Peopleware,Data,Information
Hardware หมายถึง ส่วนที่เป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ประกอบมาแล้วสามารถใช้งานได้ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ส่วนดังนี้
1.อุปกรณ์รับข้อมูล ตัวอย่าเช่น Mouse ,Keyboard , Camera ,Joy Game หรือ Joy Stick เครื่องอ่านบาร์โค๊ด,Microphone ปากกาแสงเป็นต้น
2.อุปกรณ์ของหน่อยประมวล ตัวอย่างเช่น Ram , Hard Disk ,CD,FLOPPY DISK, Flash Drive หรือ Removable Drive ,Zip Drive, Memory Card
3.อุปกรณ์แสดงผล ตัวอย่างเช่น Monitor, Printer , Speaker

Software คือ ส่วนประกอบหรือชุดคำสั่งเพื่อที่จะสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวอาจจะเขียนอยู่ในรูปของภาษาเครื่องเพื่อจะให้เครื่องเข้าใจและทำงานได้โดยตรง Software แบ่งได้สองแบบคือ ซอฟแวร์ระบบ และซอฟแวร์ประยุกต์
1.ซอฟแวร์ระบบ
 -ซอฟแวร์ระบบคือระบบปฏิบัติการหรือควบคุมเครื่องได้แก่ระบบ Windows ต่างๆ (เป็นซอฟแวร์ระบบ)
 -ยูติลิตี้ ได้แก่โปรแกรมเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องได้แก่ แสกนไวรัส ,Clean PC เป็นต้น (เป็นซอฟแวร์ระบบ)
-ไดรเวอร์ เป็นตัวเพิ่มประสิทธิภาพให้คอมทำงานได้สเถียร หรือพูดง่าย ๆ ว่า ให้ Support กับคอมที่ประกอบมา
เช่นไดรเอวร์ การ์ดจอ ไดร์เวอร์ซาว ไดร์เวอร์ LAN ที่นิยมลงให้ อุปกรณ์เหล่านี้ Support กับคอมทีประกอบขึ้น (เป็นซอฟแวร์ระบบ)
-ตัวแปรภาษา แปรภาษาเครื่องให้เป็นภาษาระดับสูง ได้แก่ คำสั่งต่าง ๆ ที่เราใช้เขียนเพื่อสั่งให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ทำงาน เช่น
เขียนคำสั่ง Control เครื่องจักร เขียนคำสั่ง Control อุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทหลอดไฟ หรือเขียนคำสัง control ควบคุมไฟวิ่งเป็นต้น (เป็นซอฟแวร์ระบบ)

2.ซอฟแวร์ประยุกต์
-ซอฟแวร์สำหรับทำงานเฉพาะด้านที่ใช้สำหรับงานเฉพาะ เช่น Software สำหรับงานธนาคารการฝากถอนเงิน Software สำหรับงานทะเบียนนักเรียน Software คิดภาษี Software การให้บริการร้าน
-ซอฟแวร์สำหรับงานทั่วไป เช่น Software งานด้านเอกสาร Microsoft Word ,Software สำรับคิดคำนวณค่าต่าง Microsoft Excel , และ Software ด้านการนำเสนอ Microsoft Power point

People ware หมายถึงบุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์สามารถใช้งาน สั่งงานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ ซึ่งแบ่งได้ 4 ระดับคือ
1.ผู้จัดการระบบ คือผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตามเป้าหมายของหน่วยงาน เช่น หน่วยงานในโรงงานของกระผม มีการนำคอมพิวเตอร์ไว้ตามเครื่องเพื่อดูแผนงานที่สั่งผลิต
2.นักวิเคราะห์ระบบ คือผู้ที่ศึกษาระบบงานเดิมหรืองานใหม่และทำการวิเคราะห์ความเหมาะสมความเป็นไปได้ในการใช้คอมพิวเตอร์กับระบบงาน เพื่อให้โปรแกรมเมอร์เขียนโปรแกรมให้กับระบบงาน เช่น หน่วยงานในโรงงานของกระผม ได้ให้ทางโปรแกรมเมอร์เขียนโปรแกรม เพื่อตรวจสอบวัตถุดิบในการผลิตสายไฟแต่ละชนิดเพื่อจะได้คำนวณวัตถุดิบในแต่ละวันการผลิตได้ทันที
3.โปรแกรมเมอร์ คือผู้เขียนโปรแกรมคำสั่งงานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามความต้องการของผู้ใช้ โดยเขียนตามแผนผังที่นักวิเคราะห์ระบบได้เขียนไว้ เช่น โรงงานผมได้เขียนโปรแกรม Visual Basic บน Excel เพื่อควบคุมการวางแผนให้เร็วขึ้นซึ่งใช้ Chart หรือ Logic ในการตัดสินใจเพื่อเขียนรายละเอียดต่าง ๆ ในชุดคำสั่ง
4.ผู้ใช้ คือผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไปที่ต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่อง และการใช้โปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมอยู่สามารถใช้ได้ตามที่ต้องการ เช่นโรงงานของผมได้ทำงานการ key ข้อมูลผ่านระบบ BPICS ของ IBM ซึ่งพนักงานที่เข้ามาต้องเรียนรู้วิธีการใช้โปรแกรมเพื่อจะได้ key ข้อมูลได้ถูกต้องและตรงไปตามหลักที่โปรแกรมตั้งไว้

Data คือข้อเท็จจริงหรือสาระต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับงานที่ปฏิบัติ อาจเป็นตัวเลขหรือข้อความที่เกิดขึ้น จากการดำเนินงาน หรือที่ได้จากหน่วยงาน ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจได้ทันที จะนำไปใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีการประมวลผลแล้ว เช่น ข้อมูลภาพ ข้อมูลเสียง ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว ข้อมูลเชิงจำนวน ข้อมูลอักขระ ข้อมูลกราฟิก ข้อมูลภาพลักษณ์

Information คือสิ่งที่ได้รับจากการประมวลผลข้อมูลเพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านการวางแผน พัฒนา การควบคุมและการตัดสินใจ ข้อมูลสารสนเทศ ที่ดีนั้นต้องเป็นข้อมูลที่เข้าใจง่าย สวยงาน น่าสนใจ เช่น ผลรวมคะแนนของนักศึกษาที่คิดออกมาเป็นเกรดแต่ละรายวิชา ข้อมูลทีแสดงถึงจำนวน นักศึกษาที่จบในแต่ละปีการศึกษา แยกออกเป็นหญิงจำนวนเท่าไหร ชายจำนวนเท่าไหร่ เป็นต้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2.หากนักศึกษาเป็นเจ้าของธุรกิจ ดังต่อไปนี้ (ร้านอาหาร,ร้านขายของสะดวกซื้อ,โรงเรียนกวดวิชา,ห้องพักหรือโรงแรม) เลือก 1 ธุรกิจ จะนำองค์ประกอบคอมพิวเตอร์ ได้แก่ Hardware ,Software และ People ware ใดมาใช้ในธุรกิจบ้าง เพราะเหตุใดจงอธิบาย
เลือกร้านขายของสะดวกซื้อครับ
ทางด้าน Hardware จะใช้ คอมพิวเตอร์ในการบันทึกสิ่งของที่ทำการสั่งซื้อเข้ามา (Input)โดยใช้ระบบ บาร์โค๊ด และใช้ระบบการจัดเก็บบันทึกในคอมพิวเตอร์เพื่อจัดโซนของการเก็บสินค้าจะได้ง่ายต่อการ Check Stock (Process)เมื่อสินค้าน้อยกว่า Stock ที่เรากำหนดไว้ให้โปรแกรมฟ้องเพื่อที่จะได้สั่งซื้อสินค้านั้น ๆ ได้ทันท่วงที และใช้คอมพิวเตอร์คิดสินค้าที่ขายไปหรือสินค้าขาออกเพื่อให้หักล้างกับระบบที่เรามี (Out Put) เวลา Check ยอดหรือ Check Stock จะได้ง่ายต่อการคำนวณ

ทางด้าน Software เนื่องจากใช้ระบบ บาร์โค๊ต จำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์และอุปกร์ที่ทำการติดตั้งต้องมี ไดรเวอร์เพื่อให้ระบบประมวลผลได้ถูกต้องและสนับสนุนให้คอมพิวเตอร์ทำงานกับระบบบาร์โค๊ตได้ดี รวมถึงการใช้โปรแกรมการคิดคำนวณยอดเงินในการเบิกจ่ายสินค้าต่าง ๆ ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาก็คือระบบ Software ที่จำเป็นในการขายของสะดวกซื้อที่ทางร้านตั้งเงื่อนไขที่ จะทำร้านสะดวกซื้อแบบมีการเบิกจ่ายที่ทันสมัยและสามารถ check สินค้าได้ทันทีและทันเวลาให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า จะไม่ Stock สินค้ามากเกินไปเพราะอาจทำให้สินค้าหมดอายุหรือชำรุดเสียหายได้

ทาด้าน People ware จัดให้มีพนักงานสำหรับ Check สินค้าทำการรับสินค้าเข้ามาและควบคุมสินค้าให้ได้ตามความต้องการและมีการบันทึกสินค้าที่รับเข้า จัดให้มีพนักงานในการขายสินค้าและบันทึกหรือยิงบาร์โค๊ตเพื่อที่ยอดขายจะได้ถูกบันทึกและถูกหักล้างกับสินค้าที่ทางร้านมีอยู่ ซึ่งโปรแกรมที่ใช้ร่วมกับบาร์โค๊ต ก็อาจจะซื้อเป็นโปรแกรมสำเร็จรูป หรือจ้างโปรแกรมเมอร์เขียนให้ตรงกับความต้องการที่เราอยากได้ และทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องจัดฝึกอบรมเพื่อให้พนักงานผู้ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สามารถใช้โปรแกรมได้ถูกต้องและแม่นยำ เพราะถ้ามีการป้อนข้อมูลที่ผิดหรือมีการตรวจสอบที่ผิดก็จะทำให้การบันทึกข้อมูลในระบบเกิดการ Error ไปด้วยซึ่งยากต่อการวิเคราะห์ Stock และความต้องการของลูกค้าในสินค้านั้นๆ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------


 3.ให้นักศึกษาแสดงข้อมูลจำนวนหนึ่งชุด พร้อมทั้งแสดงในรูปแบบสรสนเทศ